ชวนมาดู พ.ร.บ. กับ ป้ายภาษีรถยนต์ เหมือนกันหรือไม่ มีประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างไร พร้อม 3 ขั้นตอน ชำระภาษีรถออนไลน์ และอีกหลากหลายช่องทาง สะดวก รวดเร็ว อยู่ที่ไหนก็ทำได้
พ.ร.บ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
- ให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ผู้ที่เดินเท้า ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- หากเกิดอุบัติเหตุ จ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 30,000 บาท โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด
- จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ฝ่ายถูก สูงสุด 80,000 บาท
- ขับรถไม่มีพ.ร.บ. หากเกิดอุบัติเหตุ จะไม่ได้รับความคุ้มครองใดๆ ต้องจ่ายค่าเสียหาย ค่าชดเชยด้วยตัวเอง
- ไม่มีพ.ร.บ. ไม่สามารถชำระภาษีรถได้
ป้ายภาษี/เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี แสดงให้รู้ว่ารถคันนี้จดทะเบียนถูกต้อง ชำระภาษีรถประจำปีแล้ว
- การใช้รถไม่ต่อภาษี มีโทษปรับ 2,000 บาท
- ไม่แสดงป้ายภาษี มีโทษปรับ 2,000 บาท
- ขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนรถถูกระงับ หากนำรถไปใช้จะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องนำรถมาตรวจสภาพและยื่นขอจดทะเบียนใหม่
ขั้นตอนชำระภาษีรถประจำปี
1. ตรวจสอบวันครบอายุภาษีรถประจำปี ได้จากคู่มือรถ, เครื่องหมายการเสียภาษี หรือเว็บไซต์ชำระภาษีรถออนไลน์ https://eservice.dlt.go.th/ (เมนู “สอบถามข้อมูลค่าภาษีรถประจำปี”)
‐ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานเกิน 5 ปี และรถค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ก่อน
‐ รถที่ติดตั้งแก๊ส ต้องมีใบรับรองการติดตั้งแก๊ส ตามระยะเวลาที่กำหนด
2. เตรียมเอกสาร ได้แก่ คู่มือรถฉบับจริงหรือสำเนา และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
3. ชำระภาษีรถประจำปีล่วงหน้า 90 วัน ได้หลากหลายช่องทาง
‐ สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน
‐ เลื่อนล้อ ต่อภาษี (Drive Thru for Tax)
‐ ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk)
‐ เคาน์เตอร์เซอร์วิส
‐ ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax)
‐ ที่ทำการไปรษณีย์
‐ ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการกับกรมการขนส่งทางบก
‐ เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th
‐ แอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax
‐ แอปพลิเคชั่น mPay / True Money Wallet